
สร้างภูมิคุ้มกันทางใจให้กับลูกด้วยการสร้าง Resilience ให้กับลูก
“Resilience” คือ ความสามารถในการฟื้นตัวหรือความยืดหยุ่นทางจิตใจ
▶︎ วิตกกังวลมากจนเกินไป
พ่อแม่ที่กลัวไปหมด กังวลทุกอย่าง ลูกได้รับการปกป้องราวกับไข่ในหิน เมื่อถึงวันที่เข้าต้องก้าวออกจากบ้านไปโรงเรียน หรือ ไปสู่สังคมภายนอก ลูกอาจจะกังวลและกลัวที่จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ โดยที่ไม่มีเราอยู่ตรงนั้นด้วย
▶︎ บ่นและสั่งเยอะ
พ่อแม่บางคนกลัวลูกทำไม่ได้ จึงใช้การสั่งให้ลูกทำทุกขั้นตอนตามที่ตัวเองบอก และถ้าลูกทำไม่ได้ตามที่บอก พ่อแม่อาจจะบ่นและตำหนิเขามากกว่าจะชื่นชมในส่วนที่เขาทำได้ การสั่งและการบ่นที่มากเกินไปอาจจะส่งผลให้เด็กมีความวิตกกังวลและกลัวการทำผิดพลาด ที่สำคัญในสถานการณ์ที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วย เด็กอาจจะไม่กล้าตัดสินใจและไม่มีความมั่นใจในตนเอง
▶︎ ให้ความช่วยเหลือลูกเร็วเกินไป หรือช่วยลูกทุกอย่าง ไม่ให้ลูกทำอะไรเอง
พ่อแม่ที่รู้ใจลูก ลูกไม่ทันเอ่ยปากขอความช่วยเหลือก็ตรงปรี่เข้าไปช่วย เข้าไปทำให้ทั้งหมด เมื่อลูกต้องทำเอง ก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ เพราะไม่เคยทำด้วยตัวเองมาก่อน
▶︎ ตำหนิมากกว่าชม และเน้นผลลัพธ์ที่ดีมากกว่ากระบวนการและความตั้งใจของลูก
พ่อแม่ที่มองเห็นข้อผิดพลาดของลูกมากกว่าสิ่งที่ลูกทำได้ และตำหนิมากกว่าชม เมื่อลูกทำได้ ก็ยังให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ออกมามากกว่าความพยายามและกระบวนการระหว่างทาง เมื่อเด็กถูกตัดสินเช่นนี้อยู่เสมอ เขาจะรู้สึกว่า “ไม่ดีพอเสียที” เพราะต่อให้เขาพยายามเท่าไหร่ หรือ ทำได้เท่าไหร่ หากผิดพลาดนิดเดียวก็ไม่มีประโยชน์อันใด สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ คือ “การชมที่พฤติกรรม และติที่พฤติกรรม ไม่ใช่ตัวตน (สิ่งที่ลูกเป็นและเปลี่ยนแปลงได้ยาก) ของลูก”
▶︎ ทำให้ลูกอับอายต่อหน้าผู้อื่น
พ่อแม่ที่ว่าลูกต่อหน้าผู้อื่น หรือ พูดถึงลูกในทางที่ไม่ดีให้ผู้อื่นฟัง โดยลูกยังอยู่ในบริเวณดังกล่าว เด็กเมื่อถูกทำให้อับอาย ยิ่งจากผู้ใหญ่ที่เขารักและไว้ใจที่สุดในโลก ความมั่นใจที่มีน้อย อาจจะติดลบไปเลยก็ว่าได้
▶︎ คาดหวังสูง ใช้ความต้องการ และความฝันของพ่อแม่เป็นตัวตั้ง
พ่อแม่ที่คาดหวังในตัวลูกสูง โดยไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของลูก ย่อมนำไปสู่การกดดันให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเขา ลูกอาจจะไม่จำเป็นต้องทำมันก็ได้ แต่เขาต้องทำเพื่อพ่อแม่ เช่น ให้ลูกไปประกวดในที่ต่างๆ ตั้งแต่ปฐมวัย ให้ลูกไปแข่งขัน ไปแสดงบนเวที ต่อหน้าคนมากมาย โดยที่เขาไม่ได้มีโอกาสเลือกด้วยตัวเอง
แม้ว่าพ่อแม่จะบอกว่า “ลูกอยากทำ เขาบอกเอง” แต่อยากให้พ่อแม่ตระหนักอยู่เสมอว่า ในเด็กปฐมวัย ความต้องการของพ่อแม่ คือ ความต้องการของเขา เสียงภายในใจของเขายังไม่เข้มแข็งพอ เพราะขนาดร่างกายเขายังไม่เติบโตเต็มที่เลย ดังนั้นการยืนหยัดเพื่อตัวเองในเด็กเล็ก เขายังต้องการสนับสนุนและความช่วยเหลือจากเราพ่อแม่
▶︎ ปล่อยปละละเลย
“ปล่อยปละละเลย” ไม่ได้หมายถึงเพียง “การทอดทิ้ง” หรือ “การไม่ให้ความสนใจ” เพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึง การตามใจที่เกินพอดีและปล่อยให้ลูกทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่มีขอบเขต ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นอาจจะทำให้ตัวเขาเองและผู้อื่นเดือดร้อน
ทั้งนี้ในกรณีที่ปล่อยปละละเลย แต่เมื่อเด็กทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมขึ้นมา เรากลับโทษเขาที่ทำเช่นนั้น และลงโทษ ณ จุดนี้ที่เกิดขึ้นส่งผลให้เด็กเกิดความสับสนขึ้นมาว่า แล้วที่ถูกคืออะไร ที่เขาทำได้คือแค่ไหน และอะไรคือสิ่งที่ควรทำกันแน่
“เด็กที่มีความมั่นใจในตนเอง” นิยามของคำว่า ‘มั่นใจในตนเอง’ ควรเป็นไปเพื่อให้เด็กสามารถยืนหยัดเพื่อตัวเอง รักษาสิทธิประโยชน์ และมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยไม่ทำให้ใครหรือตัวเองเดือดร้อน
ทั้ง 7 ข้อนี้ คือพื้นฐานของการเป็นพ่อแม่ที่ใจดี แต่ไม่ใจอ่อน สุดท้ายเด็กที่มีความมั่นใจในตนเอง มักเกิดจากการมีรากฐานทางกายใจที่มั่นคง ซึ่งรากฐานทางกายใจ เกิดจากบ้านท่ีเป็นพื้นที่ปลอดภัย ให้ความรักและการสอนสิ่งสำคัญในชีวิต