
สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศยังน่าห่วง พบยอดผู้ป่วยสะสมสูง
ผู้ป่วยสะสมในกรุงเทพฯ จำนวน 787 คน และทั่วประเทศสูงถึง 12,144 คน
ผมพยายามหาคำตอบของคำถามสำคัญนี้อยู่นาน ทั้งอ่านหนังสือและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จนได้ข้อสรุปจากคำถามง่าย ๆ ที่นำไปสู่คำตอบว่า “จุดประสงค์ของการทำโทษลูกคืออะไร ?”
คำตอบจากคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่คงจะไปในทางเดียวกันว่า “เพราะต้องการให้จำ จะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก” ดังนั้น ประเด็นหลักของการทำโทษจึงไม่ใช่การ “ทำให้เจ็บ” แต่คือการสื่อสารให้ “เข้าใจและจดจำ” ว่าสิ่งนั้นไม่ควรทำอีก... แล้ว "การตียังจำเป็นอยู่ไหม ?" สำหรับผม มองว่า “การตี” ก็เหมือนการเปิดสงครามเล็ก ๆ ซึ่งคู่ต่อสู้คือ “ลูก” ที่ยังไม่มีอำนาจต่อรองใด ๆ และทุกสงครามย่อมมี “การสูญเสีย”
การตี จึงควรเป็นทางเลือกสุดท้าย ใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เช่น หยุดพฤติกรรมที่เป็นอันตรายทันที โดยไม่ใช้อารมณ์ และไม่เน้นให้เจ็บ แต่เป็นสัญลักษณ์ให้ลูกเห็นว่า “เรื่องนี้พ่อแม่จริงจังมาก” หลังจากนั้น ควรมีการพูดคุยอย่างหนักแน่นแต่นุ่มนวล ไม่ใช่การโอ๋ แต่เน้นให้ลูกเข้าใจเหตุผลและไม่ทำซ้ำอีก
หากลูกเข้าใจว่า “การตีคือการระบายอารมณ์ของพ่อแม่” จะส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเรียนรู้ และที่แย่กว่านั้น คือ การซึมซับว่าความรุนแรงเป็นวิธีการจัดการปัญหา
สุดท้าย อยากฝากถึงพ่อแม่ ครู และผู้ใหญ่ทุกคนที่มีบทบาทในการ “สร้างคน” ว่า เด็กทุกคนเรียนรู้ผ่านข้อผิดพลาด ดังนั้น การที่ลูกพลาดหรือทำผิด จึงไม่ควรเป็นเหตุให้โกรธหรือใช้อารมณ์ เพราะความตั้งใจดีของเราจะกลายเป็นบาดแผลที่ฝังลึกแทนคำสั่งสอน หากเราใช้อารมณ์นำหน้าเหตุผลครับ
✱ ติดตามข่าวสารและกิจกรรม Thai PBS Kids ได้ทาง Website | Facebook | Youtube | LINE Official ✱